Monday, August 1, 2011

ประวัติความเป็นมาโทรทัศน์


โทรทัศน์ เป็นระบบโทรคมนาคมสำหรับการกระจายและรับภาพเคลื่อนไหวและเสียงระยะไกล คำนี้ยังหมายถึงรายการโทรทัศน์และการแพร่ภาพอีกด้วย คำว่าโทรทัศน์ในภาษาไทย มีที่มาจากคำในภาษาอังกฤษ คือ television ซึ่งเป็นคำผสมจากคำกรีก tele- ("ระยะไกล" — โทร-) และ -vision ที่มาจากภาษาละติน visio ("การมองเห็น" — ทัศน์) มักเรียกย่อเป็น TV (ทีวี) โทรทัศนขาว-ดำเครื่องแรกของโลก ที่ถูกสร้างขึ้นในปีพ.ศ. 2468 เป็นผลงานการประดิษฐ์ของจอห์น ลอกกี้ เบรียด ชาวสกอตแลนด์



"โทรทัศน์" ถือกำเนิดมาเมื่อ 79 ปีก่อนแล้วก็กลายเป็นหนึ่งในสื่อที่ทรงอิทธิพลสูงสุดต่อการเปลี่ยนแปลง
วิถีชีวิตของมนุษย์ตั้งแต่วันแรกที่ถือกำเนิดมาตราบจนกระทั่งถึงทุกวันนี้




ผู้ที่คิดค้นโทรทัศน์เครื่องแรกของโลกคือ ฟีโล เทย์เลอร์ ฟาร์นสเวิร์ธ
 ชาวอเมริกัน ส่วน เอลมา การ์ดเนอร์ ฟาร์นสเวิร์ธ นั้นเป็นภรรยาของนักประดิษฐ์คิดค้นผู้นี้ ที่ผู้เป็นสามีให
้เครดิตว่าเป็นทั้งผู้ผลักดัน และต่อสู้กับสิทธิในการคิดค้น
จนสามารถเรียกได้ว่า "เป็นผู้ร่วมคิดค้นโทรทัศน์"
เครื่องแรกของโลกร่วมกับเขา

ฟีโล ฟาร์นสเวิร์ธ เสียชีวิตไปเมื่อ ปี 2514 ส่วน เอลมา
 เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมาด้วยวัย 98 ปี ข้อเขียนชิ้นนี้จึงเป็นเสมือนการรำลึกถึงบุคคลทั้งสองในฐานะ
นักประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดผู้หนึ่งของศตวรรษที่ผ่านมา ตามคำยกย่องของ
"ไทม์"
นิตยสารรายสัปดาห์ระดับโลกของสหรัฐอเมริกา


เอลมา ซึ่งแต่งงานกับ ฟีโล ที่เธอเรียกว่า "ฟิล" เมื่อปี 2469 ทั้งคู่ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กันในห้องทดลองที่เขต ฟอร์ต
 เวย์น นครซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา
1 ปีให้หลัง วันที่ 7 กันยายน 2470 เมื่อฟิล ซึ่งขณะนั้นอายุเพียง 21 ปี สามารถส่งสัญญานภาพในรูปของเส้นหลายๆ เส้นจากเครื่องส่งที่คิดค้นขึ้นในห้องหนึ่งไปยัง
เครื่องรับที่อยู่ในห้องถัดไปได้สำเร็จ

"นี่ไงล่ะของคุณโทรทัศน์อีเลคทริค (electrica television)!"
 คือคำอุทานของ ฟิล กับภรรยาในเวลานั้น


เอลมา เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า แนวความคิดเรื่องการส่งสัญญาณภาพเป็นเส้นไปยังเครื่องรับนั้น เกิดขึ้นในห้วงความคิดของ ฟีโล ฟาร์นสเวิร์ธ ก่อนหน้าที่จะคิดค้นได้สำเร็จถึง 7 ปี ตอนนั้นเขายังอายุแค่ 14 ปี เป็นนักเรียนมัธยมที่ต้องขี่ม้าไปเรียนหนังสือที่โรงเรียน
ที่ใกล้ที่สุดซึ่งอยู่ห่างจากไร่ของตนเองไปถึงราว 7 กิโลเมตร

เขากำลังไถร่องเป็นแนวยาวในไร่เพื่อใช้ปลูกมันฝรั่ง ความคิดวาบขึ้นในสมองของเขาว่าเขาสามารถใช
้เส้นแนวนอนทำนองเดียวกันนี้ไปสร้างภาพขึ้นบนหลอด
เครื่องรับด้วยวิธีการเดียวกันกับการไถ่ร่องมันฝรั่งนั่นเอง


การสาธิตการรับ-ส่งโทรทัศน์ในยุคแรกๆ



ส่วนแนวความคิดในการสร้างหลอดสำหรับส่งสัญญาณนั้น
เขาคิดได้ตั้งแต่เรียนมัธยม และเขียนเป็นแบบไว้ให้กับ
 จัสติน โทลแมน ครูสอนวิชาเคมีของเขา ซึ่งฟิลยกย่องว่าเป็นผู้ให้ความรู้ที่จำเป็นและเป็นแรงบันดาล
ใจให้การคิดค้นของตนสำเร็จได้

ภาพของมนุษย์ภาพแรกสุดที่ ฟิล ฟาร์นสเวิร์ธ ส่งเป็นสัญญาณโทรทัศน์ไปยังเครื่องรับเมื่อวันท
ี่ 19 ตุลาคม 2472 คือ ภาพของ เอลมา กับ
 คลิฟฟ์ การ์ดเนอร์ น้องชายของเธอ
ดังนั้น นอกจากจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ร่วมคิดค้นโทรทัศน์เป็น
เครื่องแรกของโลกแล้ว เอลมา ยังได้ชื่อว่าเป็น "ผู้หญิงคนแรกที่ปรากฏตัวในโทรทัศน์" อีกด้วย



แต่เครดิตในฐานะผู้คิดค้นโทรทัศน์เกือบจะไม่ตก
เป็นของสองสามีภรรยา ฟาร์นสเวิร์ธ อย่างที่ควรจะเป็น
เมื่อบริษัท อาร์ซีเอ (เรดิโอ คอร์ปอเรชั่น ออฟ อเมริกา)
 อ้างว่า โทรทัศน์นั้นคิดค้นโดย วลาดิเมียร์ ซวอรีกิน หัวหน้าแผนกวิศวกรรมโทรทัศน์ของบริษัท เอลมาต่อสู้อย่าง
ดุเดือดในศาล กระทั่งในปี 2478 ศาลจึงตัดสินเป็นที่สุดให้ยกสิทธิบัตรนี้ให้กับฟาร์นสเวิร์ธ


ประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับนักประดิษฐ์คนสำคัญผู้นี้ก็คือ
 ในราวปี 2500 ในยุคที่โทรทัศน์ยุคแรกออกอากาศแล้ว
ฟีโล ฟาร์นสเวิร์ธ กลับไม่ชื่นชอบกับสิ่งที่ปรากฏอยู่บนจอ
ของสิ่งประดิษฐ์ของเขามากนัก เขาเคยบอกในระหว่าง
การออกอากาศทางโทรทัศน์แบบ
ไม่เปิดเผยตัว (ใช้ชื่อ ดร.เอ็กซ์) ว่า เขาเคยคิดค้นสิ่งที่สร้างความเจ็บปวดให้ตัวเองอย่างถึงที่สุดมาแล้ว


เครื่องรับโทรทัศน์ของฟาร์นสเวิร์ธในปี 2490



เคนต์ บุตรชายของ ฟิล อธิบายถึงความรู้สึกของผู้เป็นบิดาไว้ว่า "พ่อรู้สึกเหมือนกับว่าได้สร้างปีศาจร้ายตัวหนึ่งขึ้นมา สร้างวิถีที่ทำให้คนเราต้องสูญเสียเวลามหาศาลของชีวิต
ไปกับมัน"

เขาเล่าด้วยว่าตลอดเวลาที่ยังเป็นเด็กนั้น ผู้เป็นบิดามักบอกเสมอว่า "ไม่มีอะไรมีคุณค่าเลยในโทรทัศน์ เราต้องไม่เอามันเข้าบ้าน และฉันไม่ต้องการให้มันเข้ามาอยู่ในหัวสมองของแกด้วย"
นีล โพสต์แมน ศาสตราจารย์วิชา นิเวศวิทยาของสื่อ ในมหาวิทยาลัยแห่งนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาสรุปเอาไว้น่าฟังว่า

ฟิโล เทย์เลอร์ ฟาร์นสเวิร์ธ นอกจากจะเป็นคนแรกที่สร้างโทรทัศน์ขึ้นมาแล้ว ยังเป็นนักวิจารณ์รายการโทรทัศน์คนแรกๆ ของโลกอีกด้วย 


ที่มา: 
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%A8%E0%B8%99%E0%B9%8C
http://www.oknation.net/blog/bill125/2008/10/22/entry-1

No comments:

Post a Comment